Let the Countdown Begin
เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังผันผวนแรงจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ช่วงก่อนหน้านี้ แต่ด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ปะทุขึ้นมา จึงเป็นแรงกดดันต่อสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และส่งผลให้สินทรัพย์ในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องปรับตัวลดลงนำโดยหุ้นยุโรป โดยเราปรับลดจาก Overweight มาเป็น Neutral จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่หุ้นในภูมิภาคอื่นยังคงผันผวนอยู่ในกรอบจากปัจจัยข้างต้น อย่างไรก็ตามหุ้นไทยและหุ้นเวียดนามยังคงแข็งแกร่งกว่าหุ้นภูมิภาคอื่นในภาพรวมเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภายนอกอย่างจำกัด นอกจากนี้หุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนต่างชาติสุทธิที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า ด้านตราสารหนี้โลกและ REITs โลกยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ REITs ไทยและสิงคโปร์ฟื้นตัวจากความคาดหวังในการเปิดเมืองและการประกาศผลประกอบการของสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังผันผวนแรงจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ช่วงก่อนหน้านี้ แต่ด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ปะทุขึ้นมา จึงเป็นแรงกดดันต่อสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และส่งผลให้สินทรัพย์ในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องปรับตัวลดลงนำโดยหุ้นยุโรป โดยเราปรับลดจาก Overweight มาเป็น Neutral จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่หุ้นในภูมิภาคอื่นยังคงผันผวนอยู่ในกรอบจากปัจจัยข้างต้น อย่างไรก็ตามหุ้นไทยและหุ้นเวียดนามยังคงแข็งแกร่งกว่าหุ้นภูมิภาคอื่นในภาพรวมเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภายนอกอย่างจำกัด นอกจากนี้หุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนต่างชาติสุทธิที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า ด้านตราสารหนี้โลกและ REITs โลกยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ REITs ไทยและสิงคโปร์ฟื้นตัวจากความคาดหวังในการเปิดเมืองและการประกาศผลประกอบการของสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
ปัจจัยสำคัญในเดือนนี้เรามองถึงประเด็นด้านสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีแนวโน้มที่จะตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาประธานาธิบดียูเครนได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้นำชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียก่อนที่จะถูกรัสเซียบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ Donetsk และ Luhansk ซึ่งการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซียจะส่งผลกระทบให้ราคาพลังงาน ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกนั้นปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ประเด็นด้านส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระหว่าง 2 ปีกับ 10 ปี (Yield Spread) ที่ปรับตัวลดลงจนใกล้ติดลบ (Inverted Yield Curve) เริ่มบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะข้างหน้า ซึ่งจากสถิติบ่งชี้ว่าหากเกิดความกังวลต่อ Inverted Yield Curve จะเป็นจุดที่สะท้อนถึงสัญญาณของการเปลี่ยนกลุ่มการลงทุนในตลาดหุ้น โดยหลังเกิดภาวะดังกล่าวแล้วหุ้นกลุ่ม Growth จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นกลุ่ม Value
สำหรับประเด็นด้านทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าในปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีทิศทางแข็งค่าจากสัญญาณการใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวดจาก Fed นอกจากนี้จากสถิติในอดีตพบว่าค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงในช่วงที่ Fed เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจากการที่ตลาดรับรู้ข่าวในช่วงก่อนหน้า ซึ่งหากดอลลาร์มีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางอ่อนค่า จะเป็นโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่มักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์ เช่น หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และทองคำ
ด้านหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Outperform หุ้นโลกได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบอย่างจำกัดต่อหุ้นไทย ประกอบกับทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า ตามทิศทางดุลการค้าไทยที่มีแนวโน้มขาดดุลน้อยลง ส่งผลให้มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยสุทธิตั้งแต่ต้นปีซึ่งมีความใกล้เคียงกับปี 2016 โดยดัชนีหุ้นไทยจะยังคง Outperform อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสพักฐานได้ในระยะสั้น
มุมมองของเราในเดือนนี้ เรายังคงแนะนำให้ทยอยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงในส่วนที่เป็น Tactical และหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Hyper/Thematic Growth ในช่วงสั้น ประกอบกับหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นยุโรปและรัสเซียจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้เรามองว่าการกระจายน้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสมจะช่วยสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตมากขึ้นในช่วงที่ตลาดยังคงผันผวน ทั้งนี้เรายังมองว่าธีมการลงทุนในกลุ่ม Value/Cyclical & Defensive Play เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารไทย หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นกลุ่มพลังงาน จะยังมีโอกาส Outperform ตลาดได้ในระยะสั้น-กลาง และสำหรับกองทุนที่เป็น Core Port/Growth สำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น หุ้นกลุ่มเติบโต หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หุ้นจีน เรายังคงแนะนำให้ทยอยสะสมต่อไปจากระดับราคาที่ปรับตัวลงมา