Delayed Recession
🔹 ครึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นโลกปรับตัวขึ้นเนื่องจากนำโดยกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง จากการคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อและ Debt Ceiling รวมถึงประเด็นหุ้นกลุ่ม AI ที่ฟื้นตัวได้ดี และภาวะ Risk-on ทำให้หุ้นกู้เอกชนทำผลตอบแทนได้ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงยังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
🔹 ครึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นโลกปรับตัวขึ้นเนื่องจากนำโดยกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง จากการคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อและ Debt Ceiling รวมถึงประเด็นหุ้นกลุ่ม AI ที่ฟื้นตัวได้ดี และภาวะ Risk-on ทำให้หุ้นกู้เอกชนทำผลตอบแทนได้ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงยังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
🔹 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกของ IMF ได้บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อและความวุ่นวายในภาคการเงินสร้างความท้าทายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยโลกจะเผชิญการเติบโตต่ำในระยะกลาง ทั้งนี้จีนและอินเดียยังคงรักษาการเติบโตในระดับที่มากกว่า 5% ในปีนี้ได้
🔹 ความเสี่ยงหลักของโลกในครึ่งปีหลังยังคงเป็นด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศเป็นหลัก ด้านเศรษฐกิจนำโดยปัญหาเงินเฟ้อและการคุมเข้มทางการเงินที่อาจนำไปสู่การถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่สำคัญคือสภาพคล่องในกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ และความกังวลในกลุ่มอสังหาเชิงพาณิชย์ (Commercial Real Estate) ขณะที่ด้านการเมืองนั้น ประเด็นหลักคือความขัดแย้งระหว่างจีนและประเทศตะวันตก การเลือกตั้งไต้หวันและการจัดตั้งรัฐบาลของไทย เป็นต้น
🔹 ด้านหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ในฝั่งสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่มีการปรับตัวขึ้นไปแรง เราจึงแนะนำให้นักลงทุนไม่ให้ไล่ซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าวโดยรอจังหวะซื้อเมื่อย่อตัว แต่สามารถเพิ่มการสะสมกลุ่ม Defensive Dividend และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองจากปัจจัยพื้นฐานดีและ Valuation สมเหตุสมผล ในฝั่งยุโรปเรายังมองว่าธนาคารกลางจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป จึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของยุโรป ขณะที่ญี่ปุ่นนั้นหุ้นมีการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจที่เติบโตดี นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แต่การกลับทิศของนโยบายทางการเงินจะเป็นความเสี่ยงหลัก แนะนำสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว
🔹 ขณะที่หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในภาพรวมเรามองว่าจะมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นเนื่องจากการเติบโตยังน่าสนใจ จากนโยบายธนาคารกลางที่มีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว กระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาลงทุน โดยเรามองว่าภาพรวมเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐที่มีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังคงมีความเสี่ยงทางด้านการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งไตัหวันในต้นปีหน้า ขณะที่อินเดียยังได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า สะท้อนผ่านการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ด้านประเทศไทยก็ฟื้นตัวจากการที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กลับมา และหากเราพิจารณาดัชนี SET ที่ไม่รวมการคำนวณหุ้น DELTA นับว่าดัชนีได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างน่าสนใจแล้วเป็นโอกาสในการทยอยสะสม และเวียดนามที่เศรษฐกิจในภาคบริการฟื้นตัวโดดเด่น ทางการพยายามพยุงเศรษฐกิจผ่านนโยบายลดดอกเบี้ย ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้ตลาดหุ้นเริ่มสร้างฐานได้และเป็นโอกาสสะสมอีกครั้ง
🔹 ด้านตราสารหนี้ เรายังคงมองตราสารหนี้โลกเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการถือลงทุนจากผลตอบแทนที่อยู่ในระดับสูง แต่แนะนำให้ลงทุนตราสารหนี้คุณภาพสูง ขณะที่ตราสารหนี้ไทยเริ่มกลับมาน่าสนใจจากการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ทำให้ในภาพในระยะถัดไปนั้นกองทุนตราสารหนี้ไทยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำจากธนาคารพาณิชย์แล้ว
🔹 ขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกเช่น REITs เรามองว่าปัจจัยกดดันด้านดอกเบี้ยเริ่มผ่อนคลายลง แต่เรื่องอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์โดยเฉพาะกลุ่มอาคารสำนักงาน (Office REITs) ยังคงมีความเสี่ยงจากประเด็นเรื่องอุปทานส่วนเกินที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และสินค้าโภคภัณฑ์ เรามองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าทยอยสะสมตอนย่อตัวจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ และน้ำมันที่ยังถูกกดดันจากการเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเรารอปัจจัยเชิงบวกต่างๆ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน การซื้อน้ำมันเข้าคลังเพิ่มของสหรัฐฯ และการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งอาจช่วยหนุนการบริโภคและราคาน้ำมันในระยะสั้นได้
🔹 สำหรับมุมมองของเราในครึ่งปีหลัง เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อหุ้นโลก แต่ยังให้ระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากภาวะตลาดที่ยังเปราะบางและยังมีปัจจัยเสี่ยงทางด้านเศรฐกิจชะลอตัวและภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้เน้นลงทุนหุ้นกลุ่มที่มีความ Laggard เช่น หุ้นกลุ่ม Defensive Dividend และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง ทั้งนี้ยังแนะนำให้สะสมตราสารหนี้คุณภาพสูง โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี รวมถึงการรักษาสมดุลและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตทั้งขาขึ้นและขาลง แนะนำ Rebalance พอร์ตการลงทุนโดยเฉพาะหุ้นเติบโตทั่วโลก หุ้นจีน หุ้นอินเดีย หุ้นไทย และหุ้นเวียดนาม เป็นต้น