The Lower Yield, the More Opportunities

🔹 เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวจากความผันผวนหลังเหตุการณ์การ Unwind Yen Carry Trade โดยสินทรัพย์กลุ่มประเภท Yield Play ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย REITs ไทย สิงคโปร์และโลก รวมถึงตราสารหนี้จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่อง และธนาคารกลางหลายแห่งที่เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนทองคำยังปรับตัวขึ้นจากความผันผวนทางด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงตามความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed

INDEGO Monthly Outlook
September 2024
“The Lower Yield, The More Opportunities”

🔹 เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวจากความผันผวนหลังเหตุการณ์การ Unwind Yen Carry Trade โดยสินทรัพย์กลุ่มประเภท Yield Play ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย REITs ไทย สิงคโปร์และโลก รวมถึงตราสารหนี้จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่อง และธนาคารกลางหลายแห่งที่เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนทองคำยังปรับตัวขึ้นจากความผันผวนทางด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงตามความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed

🔹 ด้านประธาน Fed เริ่มส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมที่กำลังจะมาถึงในเดือน ก.ย. นี้ จากตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งภายในปีนี้ และเป็นโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากธีมดอกเบี้ยขาลง ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ 0.25% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 15 ปี รวมถึงเปิดเผยถึงแผนการลดการซื้อคืนพันธบัตรลง ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และนำไปสู่ความผันผวนของราคาสินทรัพย์ทั่วโลกจากการปิดสถานะ Yen Carry Trade ซึ่งเป็นการกู้เงินเยนที่ดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก โดยภายหลังทางรองผู้ว่า BoJ ได้มีการออกมาส่งสัญญาณถึงการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหากตลาดทุนยังไม่มีเสถียรภาพ

🔹 สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวในตลาดแรงงานที่อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. พุ่งแตะระดับ 4.3% ส่งผลให้ Sahm Rule ที่เป็นดัชนีที่เอาไว้ใช้เปรียบเทียบอัตราการว่างงานเฉลี่ยในรอบ 3 เดือน กับอัตราการว่างงานเฉลี่ยต่ำสุดในรอบปี กลับมาปรับตัวขึ้นเกิน 0.50% สะท้อนโอกาสการเกิด Recession ที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีชี้นำโดยภาพรวมทางเศรษฐกิจจาก Conference Board ยังสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต่อเนื่อง ทำให้เรายังมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นภาพของการชะลอตัวลงในระยะสั้นมากกว่าการจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง

🔹 ด้านผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นกลุ่ม Healthcare Utilities และ Consumer Discretionary เป็นกลุ่มที่มีกำไรเติบโตได้โดดเด่นที่สุด ขณะที่ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรของตลาดหุ้นไทยจากกลุ่มพลังงานและอาหาร และการเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนามและอินโดนีเซียที่ยังมีความน่าสนใจ

🔹 สำหรับเหตุการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลกที่เป็นผลมาจากการปิดสถานะ Yen Carry Trade หลังการขึ้นดอกเบี้ยของ BoJ สู่ 0.25% ซึ่งทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าจากราว 160 สู่ 145 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นญี่ปุ่นผันผวนอย่างรุนแรง โดย VIX Index ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนความผันผวนมีการปรับตัวขึ้นสูงถึงระดับกว่า 65 จุดในรายวัน และตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการปรับตัวลงกว่า 20% ภายใน 3 วันทำการ ส่งผลให้ระดับ valuation ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มี P/E กลับมาที่บริเวณ -1S.D. ที่ราว 14.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับจากสถิติในอดีตหลังจากที่ VIX Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ดีหลังจากนั้น 6 เดือน เราจึงมองการปรับฐานของตลาดดังกล่าวเป็นจังหวะในการทยอยสะสมเพื่อการลงทุน

🔹 ในด้านสินทรัพย์การลงทุนที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง เรามองว่า REITs และกลุ่ม Infrastructure มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว จากทั้งในมุมปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากรายได้และกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอและจากมุม valuation ที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันจะเริ่มเห็นว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงจากทั้ง 2 กลุ่มเริ่มอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี อีกครั้งแล้ว ทำให้เม็ดเงินลงทุนมีแนวโน้มไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวในช่วงการปรับลดดอกเบี้ย ประกอบกับ valuation และราคาของทั้ง 2 สินทรัพย์ปรับตัวขึ้นช้ากว่าหุ้นโลกมานาน จึงเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการทยอยเริ่มปรับลดดอกเบี้ยของหลายธนาคารกลาง

🔹 ด้านเศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมยังคงอ่อนแอสะท้อนผ่านหลายตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับราคาบ้านมาสองของจีนยังคงติดลบต่อเนื่องอย่างรุนแรง และเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) ที่เริ่มชะลอตัวลงจนหดตัว ทั้งหมดนี้ยังเป็นปัจจัยกดดันให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนยังคงฟื้นตัวได้ช้า

🔹 นอกจากจีนแล้ว หลายตลาดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และตลาด Frontier ยังคงมีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยล่าสุดเราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่โดดเด่นจนดัชนี IDX Composite สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้สำเร็จจากการเติบโตของกำไรตลาดที่ดี และค่าเงินที่กลับมาแข็งค่าสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางเวียดนามมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo และ T-Bills ลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% และกระทรวงการคลังของเวียดนามแถลงถึงการพยายามในการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้าน Non-prefunding solution เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในหุ้นเวียดนามได้โดยไม่ต้องสำรองเงินเต็มจำนวนล่วงหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มได้รับการปรับขึ้นอันดับสู่การเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ง่ายขึ้น

🔹 กลับมาที่ตลาดหุ้นไทย เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมืองที่กลับมาหลังการแถลงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณ ชินวัตรในงาน Vision for Thailand ซึ่งช่วยสะท้อนแนวทางของนโยบายของรัฐบาลได้ชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับ GDP ไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวได้ดีกว่าคาด พร้อมกับแนวโน้มคาดการณ์กำไรของตลาดหุ้นไทยที่ผ่านจุดต่ำสุดในการถูกปรับลดประมาณการไปแล้ว อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยยังคงมีความท้าทายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ส่งผลต่อการปิดโรงงานและปลดคนงาน การตีตลาดของสินค้าจีนราคาถูก ตลอดจนปัญหาหนี้ครัวเรือนระดับสูงและโครงสร้างประชากรไทยที่ต้องพิจารณาในการลงทุนในระยะยาว

🔹 สำหรับมุมมองของเราในเดือนนี้ เรายังคงมุมมองคำแนะนำผ่านการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในหลายประเภทสินทรัพย์ และหลากหลายภูมิภาค โดยแนะนำทยอยสะสมสินทรัพย์ประเภท Defensive เป็นพิเศษเพื่อรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่ม Healthcare ที่ยังมีการเติบโตที่น่าสนใจและยังมีมูลค่าที่ต่ำกว่าดัชนี เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ และสะสมสินทรัพย์ Global REITs & Infrastructure ที่ยังมีพื้นฐานแข็งแกร่งและน่าสนใจช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มจะเข้าสู่ขาลง ขณะที่ตราสารหนี้โลกและตราสารหนี้ยังแนะนำทยอยสะสมต่อไป ส่วนตลาดและสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังมีการเติบโตในระยะยาวแนะนำทยอยสะสมเมื่อตลาดมีการย่อตัว

อ่านฉบับเต็มคลิก : http://www.indegowealth.com/wp-content/uploads/2024/09/Pitchbook-Sep-LN-1.pdf

INDEGO
Independence for Global Opportunities

#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
#รู้ลึกรู้จริง วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
#ให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุด

✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.

  • SHARE
Contact
Contact