Be Nimble in a Fragmented World
🔹 เพียงแค่ครึ่งปีแรกของปี 2025 โลกของเราได้เผชิญกับความไม่แน่นอนที่หลากหลายมากตั้งแต่การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ นโยบายการกีดกันทางการค้า การปรับขึ้นกำแพงภาษี และการต่อรองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมามีความผันผวนอย่างรุนแรงมากขึ้น แต่ก็ทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ มีความกระจายตัวที่หลากหลายมากขึ้นเช่นเดียวกัน ในปีนี้หลายประเทศจึงเตรียมการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น อย่างกรณีของเยอรมนีที่กลับมาออกนโยบายเศรษฐกิจด้วยการก่อหนี้ภาครัฐเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานและงบกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต้องการพึ่งพาตัวเองเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจีนที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในฝั่งของการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนด้าน AI เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราเริ่มเห็นว่ามีหลายประเทศที่พยายามสร้างความเชื่อมั่นและพยุงเศรษฐกิจให้ยังมีการเติบโตและนำมาซึ่งผลตอบแทนของราคาหุ้นนอกสหรัฐฯ เหล่านี้ที่เริ่มกระจายตัวและกลับสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เร่งตัวขึ้นยังคงเป็นเทรนด์ที่ยังเติบโตต่อไปท่ามกลางความผันผวน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายที่มากขึ้นจากทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอและความเปราะบางของทั้งภาคการส่งออกที่เสี่ยงต่อนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ การตีตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีนและภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มซบเซาลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มลดลงและหันไปเที่ยวประเทศอื่นและเที่ยวภายในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น
INDEGO Mid-year Outlook 2025
“Be Nimble in a Fragmented World”
🔹 เพียงแค่ครึ่งปีแรกของปี 2025 โลกของเราได้เผชิญกับความไม่แน่นอนที่หลากหลายมากตั้งแต่การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ นโยบายการกีดกันทางการค้า การปรับขึ้นกำแพงภาษี และการต่อรองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมามีความผันผวนอย่างรุนแรงมากขึ้น แต่ก็ทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ มีความกระจายตัวที่หลากหลายมากขึ้นเช่นเดียวกัน ในปีนี้หลายประเทศจึงเตรียมการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น อย่างกรณีของเยอรมนีที่กลับมาออกนโยบายเศรษฐกิจด้วยการก่อหนี้ภาครัฐเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานและงบกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต้องการพึ่งพาตัวเองเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจีนที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในฝั่งของการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนด้าน AI เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราเริ่มเห็นว่ามีหลายประเทศที่พยายามสร้างความเชื่อมั่นและพยุงเศรษฐกิจให้ยังมีการเติบโตและนำมาซึ่งผลตอบแทนของราคาหุ้นนอกสหรัฐฯ เหล่านี้ที่เริ่มกระจายตัวและกลับสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เร่งตัวขึ้นยังคงเป็นเทรนด์ที่ยังเติบโตต่อไปท่ามกลางความผันผวน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายที่มากขึ้นจากทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอและความเปราะบางของทั้งภาคการส่งออกที่เสี่ยงต่อนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ การตีตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีนและภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มซบเซาลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มลดลงและหันไปเที่ยวประเทศอื่นและเที่ยวภายในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น
🔹 ด้านเศรษฐกิจโลกในปี 2025 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนของผลกระทบของนโยบายการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับเงินเฟ้อนอกสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงมาเป็นปัจจัยที่เริ่มเปิดทางให้ธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งทั่วโลกมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับหลายสินทรัพย์ถึงแม้จะอยู่ในสภาพตลาดที่มีความผันผวนสูงจากนโยบายการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ก็ตาม โดยผลกระทบของนโยบายทรัมป์ 2.0 มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ และเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในคราวเดียวกัน โดยเรามองว่าจะยังมีกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลายกฎระเบียบและการปรับลดภาษีนิติบุคคล นโยบายสนับสนุนธุรกิจทั้งโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานนิวเคลียร์ ตลอดจนธุรกิจด้านเทคโนโลยี และอาวุธ ขณะที่หุ้นนอกสหรัฐฯ จะยังมีความน่าสนใจในกลุ่มประเทศและธีมการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจในการพึ่งพาการเติบโตด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้น เช่น ยุโรป จีน อินเดีย เป็นต้น ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะทำให้ภาคธุรกิจทั่วโลกมีความตระหนักถึงการกระจายฐานการผลิตไปนอกจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรามองว่าอินเดียและอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม จะยังเป็นกลุ่มประเทศที่มีความน่าสนใจในแง่การเติบโต และอาจได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตต่างๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ อยู่ในบางประเทศ โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและหุ้นอินเดียเป็นพิเศษจากการเติบโตเชิงโครงสร้างของการบริโภคภายในประเทศตามจำนวนประชากรและผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จำกัด
🔹 ด้านโอกาสการลงทุนที่ยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นคือการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ที่ AI เริ่มมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด เราเริ่มเห็นการลงทุนด้าน AI กระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนปลายน้ำมากขึ้น เช่น AI Cloud Computing Robotic รวมถึงกลุ่ม Infrastructure เช่น โรงไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และการลงทุนดังกล่าวยังเกิดขึ้นกระจายตัวไปทั่วโลกไม่กระจุกตัวเพียงแค่สหรัฐฯ เท่านั้น ทั้งนี้ธุรกิจในกลุ่ม Healthcare เองก็ยังมีความน่าสนใจจากการเติบโตที่โดดเด่นของนวัตกรรมยุคใหม่ เช่น ยาลดน้ำหนักและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย รวมไปถึงนโยบายของทรัมป์ที่สนับสนุน Bitcoin และหุ้นกลุ่ม Blockchain
🔹 นอกจากนี้ธุรกิจ Platform ในยุคนี้ที่เริ่มครอบครองตลาดได้ชัดเจนมากขึ้น เริ่มมีการขาดทุนที่ลดลง ทำกำไรได้มากขึ้น กระแสเงินสดที่ดีขึ้น ตลอดจนมีการควบรวมกิจการกันมากขึ้น เช่น ธุรกิจ E-Commerce Food Delivery Ride Hailing Lifestyle หรือ Entertainment Platform สามารถเติบโตได้โดดเด่นในหลายภูมิภาคทั่วโลกและยังได้อานิสงส์จากการใช้ AI ในการประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจมากยิ่งขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
🔹 ด้านตลาดตราสารหนี้ในปี 2025 เรามองว่า Yield Curve ยังมีแนวโน้มที่จะยังชันเป็นปกติมากยิ่งขึ้นจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางส่วนใหญ่ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานของพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นตามการขาดดุลทางการคลัง ทำให้เรามองว่าโอกาสในการลงทุนของตราสารหนี้จะยังคงอยู่ในตราสารหนี้ที่มีอายุช่วงระยะกลาง สำหรับด้านความเสี่ยงที่สำคัญของการลงทุนในปี 2025 ยังมีหลายความเสี่ยงที่ยังมีความคล้ายความเสี่ยงเดิม เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ความเสี่ยงด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความเสี่ยงของการกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ของดัชนี และความเสี่ยงของแรงปะทะระหว่างธีมความโดดเด่นเหนือตลาดของสหรัฐฯ (US Exceptionalism) และธีมการกระจายความเสี่ยงออกจากสินทรัพย์ของสหรัฐฯ (Dollar Diversification) จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดผันผวนมากยิ่งขึ้น
🔹 สำหรับกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนในครึ่งปีหลังของ 2025 ตามธีม “Be Nimble in a Fragmented World” ที่ต่อยอดมาจาก “The Great Rebalance” คือนอกจากการจัดพอร์ตการลงทุนให้มีความสมดุลในหลากหลายสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องมีความยืดหยุ่นให้สามารถปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีอีกด้วย โดยมีการควบคุมสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะสมจากความเสี่ยงของนโยบายการกีดกันทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเชิงรุกในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าที่เหมาะสม เรามองว่าในช่วงครึ่งปีหลังเราจะยังเห็นแรงปะทะระหว่างธีมการลงทุน US Exceptionalism และ Dollar Diversification ต่อไปท่ามกลางความผันผวนของนโยบายการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้มีการสร้างสมดุลของพอร์ตการลงทุนระหว่างสินทรัพย์ในสหรัฐฯ และนอกสหรัฐฯ ให้อยู่ระดับที่สมดุล ลงทุนในธุรกิจที่ยังเกาะไปกับกระแสการเติบโตทางเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะธุรกิจ Platform ที่เป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้นำของตลาด ในขณะที่หุ้นตลาดเกิดใหม่และตลาดชายขอบยังคงมีความน่าสนใจใน อินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่ยังมีการเติบโตของโครงสร้างประชากรที่น่าสนใจและยังได้แรงสนับสนุนจากเม็ดเงินลงทุนทางตรง ด้านตราสารหนี้ เราแนะนำให้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางหรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้ม Yield Curve ที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น นอกจากนี้การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกยังมีความน่าสนใจในการช่วยกระจายความเสี่ยงโดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ทั่วไปในระดับต่ำ เช่น Private Asset หรือ Structured Products หรือการลงทุนในกลุ่มที่สร้างกระแสเงินสดที่มีคุณภาพสูง เช่น Infrastructure และ REITs โลก ด้วยพอร์ตการลงทุนที่มีการปรับสัดส่วนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของภาพใหญ่ของตลาดเช่นนี้ เรามองว่าการจัดพอร์ตแบบ Asset Allocation ที่เหมาะสมที่มีทั้งกลุ่ม Growth กลุ่ม Income และ Defensive ที่ผสมกันอย่างเหมาะสม จะทำให้พอร์ตการลงทุนจะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 นี้อย่างต่อเนื่อง
อ่านฉบับเต็มคลิก: https://www.indegowealth.com/wp-content/uploads/2025/06/Market-outlook-Mid-year-2025-Final-Use-this-one-LN.pdf
INDEGO
Independence for Global Opportunities
#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
#รู้ลึกรู้จริง วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
#ให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุด
✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.