Embracing the Rate Cut

🔹 เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกทรงตัว แต่สินทรัพย์กลุ่มประเภท Yield Play ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย REITs โลก สิงคโปร์และไทย รวมถึงตราสารหนี้จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง และธนาคารกลางหลายแห่งที่เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนทองคำยังปรับตัวขึ้นจากความผันผวนทางด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์

NDEGO Monthly Outlook
August 2024
“Embracing the Rate Cut”

🔹 เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกทรงตัว แต่สินทรัพย์กลุ่มประเภท Yield Play ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย REITs โลก สิงคโปร์และไทย รวมถึงตราสารหนี้จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง และธนาคารกลางหลายแห่งที่เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนทองคำยังปรับตัวขึ้นจากความผันผวนทางด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์

🔹 ด้านผลการประชุม FOMC คณะกรรมการ Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาดการณ์ และได้ส่งสัญญาณถึงโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไวสุดในเดือน ก.ย. หากเริ่มมั่นใจจากตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ขณะที่ BoE มีมติ 5 ต่อ 4 ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกตั้งแต่ มี.ค. ปี 2020 ตามหลังจาก ECB ที่ประกาศลดดอกเบี้ยมาแล้วก่อนหน้านี้แม้ว่าการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในรอบล่าสุดจะยังคงอัตราดอกเบี้ย ทำให้เรามองว่าเรากำลังเข้าสู่วัฏจักรของดอกเบี้ยขาลงแล้ว และเป็นโอกาสในสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้และสินทรัพย์กลุ่ม Yield Play ที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ลดลง

🔹 สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลก IMF มีการคาดการณ์มุมมองในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเติบโตได้ 3.2% ในปี 2024 และ 3.3% ในปี 2025 ทั้งนี้ IMF ได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ และญี่ปุ่นในปี 2024 ลง ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP ยุโรป จีน และอินเดีย เพิ่มขึ้นในปี 2024 โดยยังมองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความท้าทายจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด ความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์

🔹 สำหรับความคืบหน้าในประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ หลังจากที่นายไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลังคะแนนของนายทรัมป์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากรอดชีวิตจากเหตุการณ์ลอบยิงได้ นางแฮร์ริส รองประธานาธิบดี ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครตขึ้นมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับนายทรัมป์ ซึ่งในช่วงหลังเริ่มมีผลโพลล์คะแนนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจมีความผันผวนที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3 นี้ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้ง

🔹 ด้านการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในดัชนี S&P500 ในช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา บริษัทในกลุ่ม Communication Services IT Financials และ Healthcare ยังเป็นกลุ่มที่มีคาดการณ์กำไรที่เติบโตได้โดดเด่นกว่าดัชนี โดยกลุ่ม Financials เป็นกลุ่มที่ได้รับการปรับประมาณการกำไรเติบโตดีที่สุดจากผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่หุ้นกลุ่ม Materials Industrials และ Energy เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มกำไรหดตัวลงเยอะสุด

🔹 หลังจากเริ่มมีบริษัททยอยประกาศงบออกมาต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัว ประกอบกับแนวโน้มที่ Fed อาจเริ่มพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. เราเริ่มเห็นสัญญาณการเกิดภาวะ Sector Rotation ที่นักลงทุนมีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม IT Communication Discretionary และ Communication Services ที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะไปเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive และ Yield Play ที่ยัง Laggard อย่างกลุ่ม Real Estate Utilities และ Healthcare รวมถึงกลุ่ม Financials ที่ผลประกอบการดีกว่าคาด โดยเรายังคงแนะนำให้ลงทุนในกลุ่ม Global Infrastructure และ Healthcare ที่ยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากภาวะ Sector Rotation ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

🔹 ด้านเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอสะท้อนผ่านตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัว 4.7% (YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 5.1% (YoY) ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ลง 0.20% สู่ระดับ 2.3% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ผลการประชุม Third Plenum ยังเน้นไปที่การปฏิรูประยะยาวซึ่งเน้นย้ำถึงการสนับสนุนนวัตกรรม การส่งเสริมการขยายตัวของเมืองสมัยใหม่ การผลักดัน Green Economy และเสริมสร้างความมั่งคงของห่วงโซ่อุปทาน และผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ให้คำมั่นในการป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงในส่วนเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น อสังหาฯ หนี้รัฐบาลท้องถิ่น และสถาบันการเงินขนาดกลาง-เล็ก แต่ไม่ได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ออกมาเพิ่มเติม ทั้งนี้หากดูคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนจีนยังคงทรงตัว แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 8 บริษัท ยังได้รับการปรับคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดเกิดใหม่อย่าง อินเดีย อินโดนีเซีย และตลาดหุ้น Frontier อย่างเวียดนามยังคงมีการเติบโตและ valuation ที่น่าสนใจและยังได้รับอานิสงส์จากการกระจายฐานการผลิตของหลายบริษัทจากจีนมาลงทุนเพิ่มเติม

🔹 กลับมาที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงสะท้อนผ่านข้อมูลของเครดิตบูโรที่ตัวเลขหนี้เสีย NPL ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.4% ของยอดปล่อยสินเชื่อทั้งหมด และสินเชื่อค้างชำระที่เตรียมจะเป็นหนี้เสีย (SM) ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5% ของยอดปล่อยสินเชื่อทั้งหมด เช่นเดียวกับสถานการณ์ของยอดขาย Pre-sale และยอดการโอนของอสังหาฯ ในช่วงไตรมาสที่ 1 จนถึงครึ่งปีแรกยังคงหดตัวรุนแรง แม้รัฐบาลจะเริ่มเปิดให้มีการลงทะเบียน Digital Wallet แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังดูมีแนวโน้มในการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากหลายปัจจัย

🔹 สำหรับมุมมองของเราในเดือนนี้ เรายังคงมุมมองคำแนะนำผ่านการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในหลายประเภทสินทรัพย์ และหลากหลายภูมิภาค โดยแนะนำทยอยสะสมสินทรัพย์ประเภท Defensive เป็นพิเศษเพื่อรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่ม Healthcare ที่ยังมีการเติบโตที่น่าสนใจและยังมีมูลค่าที่ต่ำกว่าดัชนี เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ และสะสมสินทรัพย์ Global Infrastructure ที่ยังมีพื้นฐานแข็งแกร่งและน่าสนใจช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มจะเข้าสู่ขาลง ขณะที่ตราสารหนี้โลกและตราสารหนี้ยังแนะนำทยอยสะสมต่อไป ส่วนตลาดและสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังมีการเติบโตในระยะยาวแนะนำทยอยสะสมเมื่อตลาดมีการย่อตัว

อ่านฉบับเต็มคลิก : http://www.indegowealth.com/wp-content/uploads/2024/08/INDEGO-WEALTH-Monthly-Presentation-Aug-2024-LN-.pdf

INDEGO
Independence for Global Opportunities

#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
#รู้ลึกรู้จริง วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
#ให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุด

✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.

  • SHARE
Contact
Contact