Looking Beyond the Election

🔹 ภาวะตลาดการเงินในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาภาพรวมดูทรงตัว โดยตลาดยังคงจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ทั้งนี้ หุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จากภาครัฐและธนาคารกลางจีน ส่วนทางด้านตราสารหนี้และหุ้นกลุ่ม REITs ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดมากขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอยลดลง รวมถึงลดความคาดหวังว่า Fed จะต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วและแรงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ แต่จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

INDEGO Monthly Outlook
November 2024
“Looking Beyond the Election”

🔹 ภาวะตลาดการเงินในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาภาพรวมดูทรงตัว โดยตลาดยังคงจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ทั้งนี้ หุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จากภาครัฐและธนาคารกลางจีน ส่วนทางด้านตราสารหนี้และหุ้นกลุ่ม REITs ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดมากขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอยลดลง รวมถึงลดความคาดหวังว่า Fed จะต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วและแรงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ แต่จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

🔹 หลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มทยอยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยธนาคารกลางที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงที่ผ่านมา คือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารแห่งเกาหลีใต้ (BOK), ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) และธนาคารแห่งอินโดนีเซีย (BI) ด้านธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้แต่เปิดทางว่ามีโอกาสที่จะลดอัตาดอกเบี้ยลงได้ในอนาคต เนื่องจากเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ลดลงไปในทิศทางเดียวกัน

🔹 ด้านสหรัฐฯ หากดูจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น GDP รวมถึงตัวเลขการค้าปลีกและค้าส่ง จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจภาพโดยรวมยังแข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าที่ตลาดคาดการณ์มากขึ้นส่งผลให้ความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession ลดลง) ส่วนทางด้านของการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2024 ในอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจ ผลประกอบการโดยรวมที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ แม้ว่ารายได้รวมจะเติบโตเพียงเล็กน้อยท่ามกลางแรงกดดันจากรายได้ของดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงแต่รายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเติบโตโดดเด่นจนสามารถมาทดแทนได้ ขณะที่กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกกดดันจากการตั้งสำรองและตัดหนี้เสีย โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต

🔹 ในฝั่งของความกังวลในส่วนของความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์มีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยผลโพลล์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ (Trump) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค Republican มีคะแนนนิยมตีตื้นคุณคามาลา แฮร์ริส (Harris) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค Democrat ขึ้นมาได้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดมีการคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ซึ่งหากอิงจากนโยบายหาเสียงของ Trump ที่มีโอกาสกู้เงินจำนวนมากมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ จะส่งผลให้หนี้สินต่อ GDP มีแนวโน้มปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ทำให้การคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมในอนาคต รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าก็ทำให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องมีความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลาง-ยาว

🔹 อีกทั้งความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในฝั่งตะวันออกกลางก็มีแนวโน้มยืดเยื้อ หลังจากการโจมตีตอบโต้กันของกลุ่มฮามาสและอิสราเอลที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินทุนไปในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ รวมถึงความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่และมีความเปราะบางในหลายภูมิภาค ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความทนทานต่อเงินเฟ้อ จึงมีความน่าสนใจในการช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

🔹 ด้านหุ้นอินเดียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีได้เริ่มถูกเทขาย หลังจากที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเริ่มมีการปรับลดสัดส่วนและมุมมองในหุ้นอินเดียลง ทำให้เม็ดเงินลงทุนในหุ้นอินเดียบางส่วนถูกหมุนไปยังหุ้นจีน หลังทางจีนมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ รวมถึงนโยบายกระตุ้นด้านตลาดทุน อีกทั้งด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ยังไม่ถึงเป้าของทางการและยังไม่เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน ทำให้ตลาดคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐและธนาคารจีน

🔹 ด้านเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตโดดเด่นหลังจากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ รวมถึงแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากเวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกไปยังจีนต่อ GDP ที่มาก ส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตของกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ด้าน Valuation ที่ยังไม่แพง อีกทั้งกระทรวงการคลังเวียดนามได้มีการยกเลิกกฎระเบียบ Pre-funding rule สำหรับนักลงทุนต่างชาติโดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 2 พ.ย. 2024 เป็นต้นไป ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้บริษัทจัดทำดัชนีอ้างอิงเพื่อให้นักลงทุนสถาบันที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทนในการลงทุน บริษัท FTSE และบริษัท MSCI ปรับเพิ่มสถานะตลาดหุ้นเวียดนามจากตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier market) สู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging market) ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นเวียดนามได้ในอนาคต

🔹 หุ้นไทยขาดปัจจัยหนุนใหม่ในระยะสั้นโดยแรงสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันต่อตลาดหุ้นไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นแรงขายทำกำไร เม็ดเงินต่างชาติที่ไหลออก อีกทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจกลับมากดดันตลาดหุ้นไทยจากเหตุการณ์คำร้องยุบพรรครัฐบาล

🔹 สำหรับมุมมองของเราในเดือนนี้ เรายังคงมุมมองคำแนะนำผ่านการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในหลายประเภทสินทรัพย์ และหลากหลายภูมิภาค ซึ่งในเดือนนี้เราแนะนำให้ปรับสัดส่วนการลงทุนด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ Buy on dip ,Sell on strength โดยเราแนะนำให้ปรับลดน้ำหนักหุ้นจีนและไทยหลังตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา และเพิ่มน้ำหนักหุ้นอินเดียและหุ้นเวียดนามท่ามกลางราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้เราแนะนำให้ทยอยสะสมสินทรัพย์ประเภท Defensive เป็นพิเศษเพื่อรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่ม Healthcare ที่ยังมีการเติบโตที่น่าสนใจและยังมีมูลค่าที่ต่ำกว่าดัชนี เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ และสะสมสินทรัพย์ Global REITs & Infrastructure ที่ยังมีพื้นฐานแข็งแกร่งและน่าสนใจช่วงที่ดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง ขณะที่ตราสารหนี้โลกและตราสารหนี้ยังแนะนำทยอยสะสมต่อไป ส่วนตลาดและสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังมีการเติบโตในระยะยาวแนะนำทยอยสะสมเมื่อตลาดมีการย่อตัว

อ่านฉบับเต็มคลิก: …

INDEGO
Independence for Global Opportunities

#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO
#รู้ลึกรู้จริง วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
#ให้คำปรึกษาที่เป็นกลางที่สุด

✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.

  • SHARE
Contact
Contact