“LACE UP THE SHOES”

สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว จากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น โดยข้อตกลง Phase 1 มีแนวโน้มที่จะเซ็นสัญญาภายในช่วงต้นปี แต่มีปัจจัยกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศในตะวันออกกลาง

INDEGO Monthly Outlook
January 2020
Full PDF version

เดือนที่ผ่านมาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นจากสัญญาณการเจรจาการค้าที่คาดว่าจะลงนามข้อตกลงได้ภายในช่วงต้นปี 2020 อย่างไรก็ตามตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และประเทศในตะวันออกกลาง โดยภาพรวมตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก Credit Spread ของ Investment Grade และ High Yield ปรับตัวลดลง ด้าน REITs โลกมีการปรับตัวลดลงจากการทำกำไรบางส่วน ด้านหุ้นโลกมีการปรับตัวขึ้นนำโดยตลาดหุ้นจีนและ EM ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากความกังวลด้านปัจจัยการเมือง นอกจากนี้ด้านราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงจากความกังวลด้านอุปทานส่วนเกินที่ลดลง อีกทั้งทองคำยังปรับตัวขึ้นจากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจากการที่เม็ดเงินไหลไปยังกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

ธนาคารกลางหลักยังคงใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายเป็นปัจจัยที่ช่วยประคองการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

Fed ยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วยมติเอกฉันท์ด้วยการดำเนินนโยบายลักษณะ Data Dependent โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากแรงหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้านี้

ECB ยังใช้มาตรการ QE ด้วยวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันต่อไปจนอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย 2%

ด้านรายงานการประชุม BoJ ยังชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีการขยายตัวในระดับปานกลาง โดยผู้ว่า BoJ ได้กล่าวว่า BoJ ยังสามารถซื้อสินทรัพย์ได้เพิ่มเติม พร้อมกับสภานิติบัญญัติได้กดดันให้รัฐบาลใช้นโยบายการคลังควบคู่กับนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

PBOC ได้ใช้ดอกเบี้ยเงินกู้ Loan Prime Rate (LPR) เป็นมาตรฐานอ้างอิงใหม่ในการกำหนดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัวและปรับลด RRR สู่ 12.50% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มเติบโตชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับในอดีต

ด้าน ธปท. ปรับกรอบเงินเฟ้อทั่วไปใหม่เป็นกรอบเงินเฟ้อแบบช่วงที่ 1-3% เพื่อให้เหมาะสมต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทย เรามองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ ธปท. ดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไป

ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์จะยังเป็นเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด

ประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ Phase 1 ได้บรรลุข้อตกลงในเดือน ธ.ค. และคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในช่วงต้นปี 2020 นี้ สนับสนุนให้ความต้องการน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านกลับมารุนแรงขึ้นจากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ส่งผลสืบเนื่องถึงการโจมตีนายพลคนสำคัญของอิหร่านเป็นชนวนให้อาจเกิดความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและสร้างความผันผวนให้ตลาด และมีปัจจัยด้านอุปทานที่ได้รับผลจากการปรับลดกำลังการผลิตจากกลุ่ม OPEC กดดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ปี 2019 และสรุปผลการดำเนินงานของกองทุนที่เราแนะนำ

กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตนำโดยตลาดหุ้นอินเดีย เวียดนาม และจีน ที่ 41% 22% และ 21% (YoY) ตามลำดับ จากการเติบโตภายในประเทศที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาด ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาหดตัวนำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ไทย และญี่ปุ่น โดยหดตัวที่ 39% 17% และ 6% (YoY) ตามลำดับ จากผลกระทบด้านสงครามการค้า รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่โดยภาพรวมผลประกอบการของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกดีกว่าที่ตลาดคาดนำโดยตลาดสหรัฐฯ อินเดีย และยุโรป

สำหรับกองทุนที่เราแนะนำ กองทุนหุ้นโลกยังมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนการลงทุนแบบกระจุกตัวในอุตสาหกรรม Consumer Services และกลุ่ม Technology ที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งและได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่จำกัด ด้านกองทุนหุ้นจีนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งนำโดยกลุ่ม Consumer Discretionary จากการบริโภคที่มากขึ้นในช่วงวันเทศกาลของจีน ประกอบกับการผ่อนปรนกฎเกณฑ์การลงทุนจากต่างชาติเพื่อให้มีเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ ด้านการลงทุนในกองทุนอินเดียยังได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคในเขตชนบท ประกอบกับเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจในอินเดียให้ยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้านการลงทุนในกองทุนตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมีผลประกอบการออกมาในเชิงบวกโดยเฉพาะกลุ่ม Financials และ Real Estate ที่เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ที่ออกโดยรัฐบาลเวียดนามเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงพัฒนาการในตลาดทุนของเวียดนาม

  • SHARE
Contact
Contact