Stronger US, Weaker China
🔹 ครึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นโลกปรับตัวขึ้นเนื่องจากนำโดยกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง จากการคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อและ Debt Ceiling รวมถึงประเด็นหุ้นกลุ่ม AI ที่ฟื้นตัวได้ดี และภาวะ Risk-on ทำให้หุ้นกู้เอกชนทำผลตอบแทนได้ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงยังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
🔹 เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด เช่นเดียวกับตราสารหนี้และ REITs ที่ปรับตัวขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกับอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
🔹 ด้านคณะกรรมการ Fed มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% เป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 22 ปี ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยเรามองว่า Fed มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อได้ในระดับที่จำกัดตามอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ด้าน ECB ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.75% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ BoJ ยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
🔹 ด้านกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ ประกาศผลการดำเนินงานออกมาแข็งแกร่งและดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ รับอานิสงส์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารขนาดเล็กเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น โดยยังมีการกู้ยืมเงินจาก Fed ในระดับสูงเพื่อช่วยปรับสภาพคล่อง โดยเรามองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ยังมีความน่าสนใจและสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
🔹 นอกจากนี้ หากวิเคราะห์ผลการทำ Stress Test ของธนาคารในอังกฤษ โดย BoE แล้วพบว่าแม้ว่าจะมีการใช้สมมติฐานที่เลวร้ายกว่าในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ทั้งอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และอัตราการว่างงานในระดับสูงแล้ว ธนาคารในอังกฤษเหล่านี้ยังมีความแข็งแกร่ง สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารในยุโรป และยังเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในยุโรป
🔹 มาดูประเด็นที่ตลาดเฝ้าจับตาเป็นพิเศษอย่างเศรษฐกิจและภาวะตลาดหุ้นจีนกันบ้าง พบว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนมีการเติบโต 6.3% จากปีก่อนในไตรมาสที่ 2 แต่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างประเทศทยอยกันปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตามปธน. สี จิ้นผิง ได้มีการแถลงสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลจีนออกมา ทั้งนโยบายด้านอสังหาฯ และการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นให้มีการฟื้นตัว ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นจีนจะยังคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง จึงควรควบคุมสัดส่วนการลงทุนในจีนอย่างเหมาะสมหรือใช้กลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนประกอบเพื่อกระจายความเสี่ยงไปด้วย
🔹 ด้านกลุ่มสินทรัพย์ Yield Play ทั้งตราสารหนี้และ REITs โลกเริ่มมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นจากแนวโน้มการปรับเพิ่มดอกเบี้ยต่อของ Fed เริ่มจำกัด โดยเฉพาะ REITs โลกที่เริ่มเห็นการปรับประมาณการกำไรขึ้นจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่งกว่าคาด มองเป็นจังหวะทยอยสะสมที่น่าสนใจใน REITs โลก ที่มีสัดส่วนการลงทุนใน Commercial Real Estate ในระดับต่ำ
🔹 สำหรับมุมมองของเราในเดือนนี้ เราแนะนำให้กระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในหลายประเภทสินทรัพย์ และหลากหลายภูมิภาค โดยแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยต่อของ Fed ที่เริ่มจำกัด เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด ตลอดจนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันให้หลายสินทรัพย์กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจท่ามกลางกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม