เดือน ก.ค. ที่ผ่านมาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมปรับตัวขึ้นนำโดยตลาดหุ้นจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่และสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการเงินและการคลังทั่วโลก

ด้านสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในหลายประเทศยังมีความน่ากังวลหลังจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งแตะระดับเกินกว่า 18 ล้านคน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งหลังเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์  เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศเกิดใหม่หลายประเทศที่ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ขณะที่บางประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแล้วก็กำลังเจอความเสี่ยงในการระบาดระลอกที่สอง ด้านการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเริ่มมีวัคซีน บางตัวได้เข้าสู่การทดลองในเฟสที่ 3 แล้ว รวมถึงวัคซีนของจีนเริ่มมีการอนุมัติให้ทดสอบใช้จริงในกองทัพอีกด้วย

ด้านธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกยังคงออกมาตรการในการพยุงเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Fed ที่มีการประกาศขยายระยะเวลาโครงการเงินกู้ฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก 3 เดือนไปถึงสิ้นสุดปลายปี 2020 นี้ รวมทั้งยังดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่นๆ อย่างไรก็ตามธนาคารกลางหลายแห่งยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้บางประเทศมีการขยายมาตรการควบคุมการจ่ายเงินปันผลในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ยุโรป ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

ในมุมของการปรับประมาณการกำไร หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของตลาดหุ้นทั่วโลกพบว่านักวิเคราะห์เริ่มชะลอการปรับลดประมาณการกำไรของตลาดหุ้นทั่วโลกลงหลังเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยตลาดที่เริ่มถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นไทย ยังคงไม่ได้รับการปรับประมาณการขึ้นเนื่องจากมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ช้ากว่า

ในเดือนนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มกลับมาสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นเหนือตลาดหุ้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งนำโดยตลาดหุ้นจีน สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวดีกว่าคาด รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าแบบมีนัยสำคัญ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไปยังตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ส่งผลให้ภาพรวมเชิงโมเมนตัมระยะยาวของดัชนีตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นครั้งใหม่ภายหลังที่ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นทะลุแนวโน้มขาลง โดยเรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อหุ้นจีนซึ่งเป็นประเทศที่สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่นเป็นอันดับต้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่

นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น ส่งผลให้ภาคอสังหาฯ ทั่วโลกที่ยังฟื้นตัวช้ายังมีความน่าสนใจ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี มีการปรับตัวทำจุดต่ำสุดใหม่ ส่งผลให้ REITs มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดระลอกที่สองภายหลังการเปิดเมืองโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก

สำหรับในเดือนนี้เรายังคงมุมมองเชิงระมัดระวังในการลงทุนโดยให้กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์และทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนและ REITs โลกเพิ่มเติมซึ่งยังมีระดับมูลค่าที่น่าสนใจ รวมถึงแนะนำปรับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไปยังกองทุนที่ยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยแนะนำให้เฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อรอโอกาสในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีเพิ่มขึ้นหากตลาดมีการปรับฐานในอนาคต