INDEGO Exclusive Content EP.4
Tesla แดนมังกร
ในชั่วโมงนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นยุคทองของรถไฟฟ้า (EV) อย่าง Tesla แต่เชื่อว่านักลงทุนหลายๆ ท่านก็คงมีความเห็นที่ต่างและเชื่อว่ามูลค่าของ Tesla นั้นอาจอยู่สูงเกินความเป็นจริง แต่จะดีกว่าไหมหากคุณสามารถเข้าซื้อบริษัท EV ที่มีศักยภาพเทียบเคียงกับ Tesla ในระดับ Valuation ที่ยังไม่สูงจนเกินไป
ทำไมต้องรถไฟฟ้า?
เมื่อทั่วโลกต่างรณรงค์ส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนก่อนสายเกินแก้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันสู่การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และทำให้หลากหลายธุรกิจต้องทำการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นก็คงไม่ใช่ใครหากไม่ใช่ Tesla แต่รู้หรือไม่ว่าการที่ Tesla เข้ามาตั้งฐานการผลิตในจีนนั้นก่อให้เกิดการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่การลอกเลียนแบบและพัฒนาที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ผู้บุกเบิกอาจไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไป
ในโลกแห่งธุรกิจนั้นเจ้าแรกอาจไม่สำคัญเท่ากับการเป็นเจ้าที่ทำได้ดีที่สุด โดยมีบริษัท EV สัญชาติจีนนามว่า Xpeng ได้ทำการจ้างอดีตวิศวกรของ Tesla รวมถึงอดีตพนักงานของ Apple ซึ่งมีคดีขโมยข้อมูลจากบริษัทมาเข้าร่วมทีม พร้อมทุ่มงบกับ R&D อย่างมากด้วยจำนวนกว่า 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2020 โดยมีนายทุนรายใหญ่อย่าง Alibaba เข้ามาหนุนหลัง บ่งชี้ว่าบริษัทได้ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาด EV อย่างแท้จริง
หรือ Xpeng จะกลายเป็นผู้ฆ่า Tesla?
ปัจจุบัน Xpeng ได้วางขาย EV ทั้งสิ้น 2 รุ่น คือ G3 ซึ่งเป็น Smart SUV และ P7 ซึ่งเป็น Smart Sedan ซึ่งหากเปรียบเทียบรุ่น P7 กับรุ่น Model 3 ของ Tesla นั้นจะพบว่า P7 สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 4.5 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่น Model 3 ของ Tesla ซึ่งทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.1 วินาที แต่ P7 มีราคาเริ่มต้นราว 36,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถูกกว่า Model 3 ที่เริ่มต้นด้วยราคาราว 48,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือพูดง่ายๆ คือเร็วกว่าและถูกกว่า
ไม่จบแค่ EV แต่เป็นยานยนต์ไร้คนขับ
ปัจจุบัน Xpeng กำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่มีชื่อว่า XPILOT 3.0 ซึ่งจัดอยู่ใน Level 3 Self-driving Car ซึ่งรถยนต์สามารถขับเคลื่อนเองได้ แต่ยังต้องมีผู้ขับขี่คอยเฝ้าระวังในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยนำชิปสุดชาญฉลาดจาก NVIDIA มาใช้ร่วมกับการติดกล้องรอบคัน 14 จุด ติดตั้ง Ultrasonic Sensor 12 จุด และติดตั้ง Millimeter-wave Radar อีก 5 จุด โดยคาดว่าจะเริ่มใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในไตรมาสที่ 1/64 และตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไร้คนขับแบบสมบูรณ์ หรือ Level 5 Self-Driving Car ในปี 2025
Xpeng ให้ความสำคัญกับทั้งภายนอกและภายใน
บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบ โดยจ้าง Designer มาจากทั่วโลกหวังออกแบบรถให้ดูสปอร์ต และติดประตูปีกนกให้คล้ายคลึงกับ Supercar พร้อมกับพัฒนา OS ที่ชาญฉลาด โดยผู้ขับสามารถตั้งค่าให้ระบบบันทึกความชื่นชอบส่วนตัว เช่น แนวเพลงที่ชอบฟัง ระดับความเย็นของแอร์ รวมถึงระดับความสูงของเบาะที่นั่ง เพื่อปรับโหมดที่เหมาะสมเมื่อคนนั้นๆ ทำการขับรถ
โดยมูลค่ากิจการของ Xpeng ปัจจุบันอยู่ที่ราว 3.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เล็กกว่า Tesla ซึ่งมีมูลค่ากิจการอยู่ที่ราว 8.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 20 เท่า อีกทั้งสมาคมวิศวกรยานยนต์แห่งประเทศจีนกล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนการส่งมอบรถยนต์ EV ในจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของตลาดยานยนต์ทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2035 จึงถือว่าช่องว่างการเติบโตของ EV ในจีนยังเปิดกว้างค่อนข้างมาก และเป็นโอกาสทองในการเข้าลงทุน
บทความโดย Winthemoney
——————
Sources: Xiaopeng, Dapplife, Engadget, Insideevs, Pingwest, Cntechpost, Futurecar
.
.
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของบริษัท Xpeng นั้นก็สามารถลงทุนทางอ้อมได้ผ่านกองทุน K-CHINA, TCHCON และอีกมากมาย นอกจากนี้เราเชื่อว่ายังมีหุ้นจีนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงคล้ายคลึงกับ Xpeng อีกจำนวนมาก โดยผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนหุ้นจีนยุคใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสามารถเข้ารับการปรึกษาจากเราได้ในทุกช่องทาง
.
.
✅ สำหรับผู้สนใจลงทุนผ่านบริการของ INDEGO สามารถติดต่อลงทุนและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Website: https://indegowealth.com
📧 อีเมล: [email protected]
📞 โทร: 02-233-9995
💻 Facebook: INDEGO WEALTH
🗓 ทุกวันทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
#ยืนหนึ่งเรื่องกองทุนต้อง INDEGO