“MIND THE GAP”
สินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมยังให้ผลตอบแทนเป็นลบนับตั้งแต่ต้นปี โดยหุ้นจีนเป็นเพียงตลาดหุ้นเดียวที่มีผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่เดือนที่ผ่านมาหุ้นในตลาดเกิดใหม่และน้ำมันฟื้นตัวแรงจากความคาดหวังการคลายมาตรการล็อกดาวน์
JULY 2020
ผ่านไปแล้วสำหรับครึ่งปี 2020 สินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมยังคงให้ผลตอบแทนติดลบจากผลกระทบของวิกฤต COVID-19 โดยมีเพียงตลาดหุ้นจีนที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกหากไม่นับดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ขณะที่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา สินทรัพย์เสี่ยงโดยภาพรวมยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องนำโดยตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งหุ้นอินเดียและหุ้นจีนยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น โดยบรรยากาศการลงทุนยังคงได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการเงินและการคลังทั่วโลก
ด้านสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในหลายประเทศเริ่มกลับมาน่ากังวลอีกครั้งหลังจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งแตะระดับเกินกว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เริ่มเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งหลังหลังเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่บางประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแล้วก็กำลังเจอความเสี่ยงในการระบาดระลอกที่สอง
ด้านธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกยังคงออกมาตรการในการพยุงเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Fed ที่ออกมาตรการเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชนรายตัวเพิ่มเติมในตลาดรองเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทต่างๆ อย่างไรก็ตามธนาคารกลางหลายแห่งยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวรุนแรงและฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มมีการออกมาตรการควบคุมการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว
ในมุมของเศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นและภาคอสังหาฯ ในภูมิภาคที่ยังฟื้นตัวช้า เริ่มฟื้นตัวตามภูมิภาคที่ปรับตัวนำขึ้นไปก่อนหน้า ทำให้ REITs จึงมีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดระลอกที่สองภายหลังการเปิดเมืองโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก นอกจากนี้ด้านตลาดหุ้นจีนเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาคธุรกิจก็เริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นนอกจากจีนอาจจะยังต้องใช้ระยะเวลาในการประเมินด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยการฟื้นตัวในช่วงสั้นอาจมาจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นเพียงชั่วคราวหลังจากมีการล็อกดาวน์เป็นระยะเวลานาน
สำหรับการฟื้นตัวที่ร้อนแรงของตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอาจจะเริ่มลดความร้อนแรงลงและมีความเสี่ยงในการปรับฐานได้เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 เนื่องจากตลาดหุ้นและเศรษฐกิจจริงยังมีความแตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก โดยตลาดหุ้นได้ตอบรับปัจจัยบวกต่างๆ ไปค่อนข้างมากแล้ว ในขณะที่ IMF ได้มีการออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกอีกครั้งโดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 3% เป็นหดตัว 4.9% นอกจากนั้นตลาดหุ้นหลายแห่งมีระดับมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนเริ่มมีสัญญาณความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของขนาดงบดุลของ Fed ในอัตราที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนในตลาดอาจมีการขายทำกำไรหุ้นในช่วงระหว่างการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มกลับมาประเมินแนวโน้มของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น โดยหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็อาจจะเป็นการเปิดโอกาสในการทยอยเข้าลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีได้เพิ่มขึ้น
สำหรับในเดือนนี้เรายังคงมุมมองเชิงระมัดระวังในการลงทุนโดยให้กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์และทยอยลงทุนใน REITs โลกเพิ่มเติมซึ่งยังมีระดับมูลค่าที่น่าสนใจ นอกจากนั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยขายทำกำไรในสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะบางส่วนเพื่อปรับสมดุลพอร์ตและเฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อรอโอกาสในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีเพิ่มขึ้นหากตลาดมีการปรับฐาน